ปัจจุบันเป็นโลกของดิจิทัลโดยแท้ เพราะอุปกรณ์เครื่องได้เครื่องมือต่างๆ ก็พยายามจะใช้หลักการทางดิจิทัลเข้ามาใช้ และทำให้เครื่องมือนั้นสะดวกและรวดเร็วในการใช้งาน รวมทั้งเข้าใจได้ง่ายถึงวิธีการใช้ หลักการทางดิจิทัลเป็นหลักการที่เกิดมาจากแนวคิดตั้งแต่เริ่มสร้างคอมพิวเตอร์ในครั้งแรกและยังคงนำมาใช้ในปัจจุบัน ที่สำคัญคือหลักการใช้เลขฐานสองที่มีเพียงเลข 0 และ เลข 1 ซึ่งแต่ละหลักของเลขฐานสองของมีได้สองค่าเท่านั้นก็คือ 0 และ 1 (เลขฐานสิบที่เราใช้กันทั่วไปแต่ละหลักมีค่าได้ตั้งแต่ 0-9) การที่คอมพิวเตอร์ใช้เลขฐานสองในการทำงานนั้นสามารถสร้างอุปกรณ์ที่ใช้แทนเลข 0 และเลข 1 ได้ง่าย โดยการสร้างสวิตช์แทนแต่ละหลักของเลขฐานสองได้ เพราะสวิตช์มีได้2 ระดับคือปิดกับเปิด โดยสามารถกำหนดเลข 1 ด้วยการเปิดสวิตช์ และแทนเลข 0 ด้วยการปิดสวิตช์ ในการใช้งานจริงการปิดเปิดสวิตช์ต้องเป็นไปโดยอัตโนมัติ จึงจะทำงานได้รวดเร็ว สวิตช์จะเปลี่ยนไปเป็นการใช้สวิตช์ที่ทำงานโดยทรานซิสเตอร์
ด้วยการอาศัยตรรกะของเลขฐานสองสามารถที่นำมาใช้ในการคำนวณ การเปรียบ และงานอื่นๆ ได้ผ่านทางการใช้วงจรพื้นฐานในทางดิจิทัล 3 ชนิดคือวงจรประตูสัญญาณแอนด์ (AND) ออร์ (OR) และ น๊อต (NOT) จากสามวงจรพื้นฐานนี้สามารถนำไปสร้างเป็นวงจรที่ซับซ้อนให้ทำงานต่างๆในทางดิจิทัลได้ทุกชนิดที่มีใช้อยุ่ในปัจจุบัน นับเป็นความน่าทึ่งและอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง โดยที่วงจรแอนด์มีตรรกะในการทำงานที่มีเงื่อนที่เป็นจริงตั้งแต่สองอย่างขึ้นไปแล้วจะให้ผลลัพธ์เป็นจริง เช่น ถ้าฝนตกและลมพัดแรงจะนอนพักที่บ้าน นั่นคือทั้งฝนตกและลมพัดแรงต้องเป็นจริง จึงทำให้นอนพักอยู่ที่บ้านเป็นจริง ที่ว่าเป็นจริงนั้นก็แทนได้ด้วยเลข1 ถ้าไม่จริงก็แทนได้เลข 0 เมื่อฝนตกเป็น1 ฝนไม่ตกจะเป็น 0 เช่นเดียวกันถ้าลมพัดแรงเป็น 1 ลมไม่พัดหรือพัดไม่แรงก็จะเป็น 0 การนอนพักที่บ้านเป็น 1
ถ้าเป็นวงจรออร์มีตรรกะที่มีเงินไขอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นจริงแล้วจะให้ผลเป็นจริง เช่นกล่าวว่าถ้าฝนตกหรือลมพัดแรงจะนอนพักที่บ้าน ถ้าฝนไม่ตกแต่ลมพัดแรงก็นอนพักที่บ้าน หรือเขียนในรูปเลขฐานสอง 1 หรือ 0, 0 หรือ 1, 1 หรือ 1 ก็ให้ผลเป็นจริงหรือ 1 ทั้งนั้น
ส่วนวงจรน็อตทำหน้าที่กลับเงื่อนไข กล่าวคือกลับจากฝนตกเป็นฝนไม่ตก กลับจากฝนตกเป็นฝนไม่ตกได้ เช่นกล่าวว่าถ้าฝนไม่ตกแดดไม่ออกแล้วไปเดินเล่น ถ้าจะกล่าวว่า น็อตฝน น็อตแดด จึงไปเดินเล่นก็ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น