เดิมที่พันธกิจหลักๆ ของมหาวิทยาลัยมีเพียง 3 ประการคือผลิตบัณฑิตโดยการสอน สร้างองค์ความรู้โดยการวิจัย ให้บริการทางวิชาการด้วยรูปแบบต่างๆ การส่งเสริมสนับสนุนการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม การภ่ายทอดเทคโนโลยี การให้บริการความรู้ในสาขาที่มีความชำนาญ ซึ่งต่อมาได้แยกศิลปวัฒนธรรมออกมาอีกพันธ์กิจหนึ่ง ต่อมาองค์การยูเนสโกก็ได้กำหนดให้มีพันธกิจที่ 5 และ 6 แยกออกมาให้เด่นชัดอีก
พันธกิจในการผลิตบัณฑิตจะช่วยชาติได้ก็โดยการเปิดสอนหลักสูตรที่ไปแก้ปัญหาให้กับสังคม ดังนั้นมหาวิทยาลัยต่างๆ จึงพยายามที่จะผลิตบัณฑิตให้มีคุณภาพด้วยจึงจะแก้ปัญหาสังคมที่มีความซับซ้อนในปัจจุบันได้
พันธกิจการวิจัยจะทำวิจัยอะไรดีเพื่อแก้ปัญหาของชาติ ความจริงก็มีกรอบหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการให้ทุนมาแล้วว่าควรจะทำวิจัยเรื่องใดจึงจะได้รับทุนวิจัย ผู้ที่เสนอโครงการวิจัยก็พยายามที่จะเสนอให้สอดคล้องกันเพื่อให้ได้รับทุน แต่ทำอย่างไรให้งานวิจัยได้มีคุณภาพมีผลกระทบต่อสังคมก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีนั้นเป็นเรื่องยาก
การบริการทางวิชาการแก่สังคม เท่าที่เห็นในมหาวิทยาลัยใหญ่ก็มักจะเป็นที่ปรึกษาและการเป็นวิทยากรเพื่อไปฝึกหัด ฝึกอบรม (counsulting and Training) การให้ความรู้ในรูปแบบต่างๆ การออกรายการวิทยุโทรทัศน์ เพื่อนำเสนอความรู้ที่เป็นที่ต้องการของสังคมหรือชี้ความถูกผิดของเรื่องต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจ
ส่วนพันธ์กิจอีกสองประการคือพันธ์กิจที่ 5 ที่มหาวิทยาลัยจะต้องใส่ใจความเป็นไปของบ้านเมืองและเสนอทางเลือกให้ประชาชน บุคลากรของมหาวิทยาลัยอาจออกไปทำระบบ social warning กับประชาชน เช่นระบบเฝ้าระวังเตือนภัยด้านสุขภาพตามฤดูกาล
สำหรับพันธกิจที่ 6 นั้นมหาวิทยาลัยจะต้องลงไปช่วยภาคส่วนอื่นของระบบการศึกษาทั้งหมด ทั้งด้านอาชีวศึกษา การศึกษาขั้นพื้นฐาน ปฐมวัย และเฉพาะทาง ไม่แปลกอะไรที่เราไปร่วมมือให้ความช่วยเหลือแก่โรงเรียนระดับต่างๆ และเป็นสิ่งที่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งระบบการศึกษาของเรากำลังอ่อนแอ มหาวิทยาลัยที่มีสรรพกำลังพร้อมกว่าน่าจะลงไปช่วยยกระดับ ภาคส่วนอื่นของระบบการศึกษาก็จะเห็นถึงคุณค่า เห็นว่าเป็นแหล่งที่พึ่งพิงได้ แต่นอนก็จะต้องมีนักเรียนจากสถาบันที่เคยให้ความช่วยเหลือเข้ามาศึกษาด้วยความเชื่อมั่นว่ามีความมั่นคงและมีคุณภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น