มีเรื่องเล่าตั้งแต่ครั้งพุทธกาล สำหรับแพทย์ที่ทำการรักษาพระพุทธเจ้าก็คือ โกมารภัทรบุตรของพระเจ้าพิมพิสารกับหญิงงามเมือง เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องยาสมุนไพร ไม่รู้ว่าตัวเองจะเชี่ยวชาญรู้จริงเพียงใด พระพุทธองค์จึงแนะว่าให้เข้าป่าแล้วหาให้ได้ว่าต้นไม้ชนิดใดบ้างที่นำมาทำยาไม่ได้ โกมารภัทรเข้าป่าไปศึกษาอยู่ 7 วันกลับออกมาจากป่า แล้วทูลรายงานให้ทราบว่าไม่สามารถหาต้นไม้ใดที่ไม่เป็นยา พระพุทธองค์เลยตรัสว่าท่านเป็นผู้รู้แจ้งในเรื่องสมุนไพรแล้ว ถ้าสมัยนี้ก็น่าจะเป็นดุษฏีบัณฑิตไปแล้ว
เมื่อครั้งพุทธกาลแม้ว่าไม่มีหลักฐานการทำวิจัยเกี่ยวกับสนุนไพรมากนัก แต่ได้สั่งสมถ่ายทอดกกันมาเป็นภูมิปัญญาในท้องถิ่นต่างๆที่ใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ซึ่งก็คงได้มีการทดลองใช้มาและเห็นผลไปในทางที่ดีในการบำบัดอาการของโรคต่างๆได้ในระดับหนึ่ง เพราะแม้แต่สัตว์บางชนิดก็ยังรู้ว่าพืชชนิดใดเป็นยาสำหรับรักษาได้ อย่างไรก็ตามการศึกษาเรื่องสมุนไพรก็เพิ่มมากขึ้น ยิ่งมีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรมากขึ้นเท่าใดก็สามารถที่จะใช้ในการบำบัด ป้องกันโรคได้มากขึ้นเท่านั้น
เรื่องที่เราศึกษาเกี่ยวกับสนุมไพรยังมีอีกมากมาย ด้วยเหตุที่ไม่มีต้นไม้ใดที่ไม่เป็นยาดังกล่าวแล้วนั้นเอง จึงมีโอกาสที่จะศึกษาพืชสมุนไพรที่ในบริบทท้องถิ่นหนึ่งที่อาจไม่เหมือนกับอีกท้องถินหนึ่ง และการศึกษาสมุนไพรแบบข้ามศาสตร์ บูรณาการมากขึ้น เช่นผักเซี้ยนผีที่เป็นสมุนไพรพื้นบ้านเมื่อนำยอดมาขย่ำอุดหูสามารถดูดลมจากหูได้ทำให้หายหูอื้อได้ จะเห็นว่าจะตอบคำถามว่าดูดอากาศได้อย่างไรนั้น อาจจะต้องใช้ศาสตร์ทั้งเคมีชีวะและฟิสิกส์เป็นต้น และเป็นเรื่องที่น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น