ช็อคโกแลต (chocolate) ครั้งหนึ่งเคยเป็นสารต้องห้าม เป็นตัวกระตุ้นความชั่วร้ายเป็นความเชื่อเช่นในหมู่บ้านภูเขาแห่งหนึ่งตอนกลางอเมริกา ระหว่างศตวรรษที่ 18 ไม่มีคนใดที่อายุน้อยกว่า 60 ปี ได้รับอนุญาตให้ดื่มช็อคโกแลต ผู้ที่ฝ่าฝืนกฏเกณฑ์สำหรับผู้ที่ไปโบสถ์ จะถูกบังคับผลักใสคว้ำบาตรไม่ให้เข้าร่วมสังฆกรรมทางศาสนาร่วมกันที่เดียว
ปัจจุบันช็อคโกแลตนำมาเป็นส่วนหนึ่งของอาหารหลายชนิด เช่นเป็นในขนมหวานที่มีส่วนผสมของนมด้วยแล้วเป็นอาหารชั้นเลิศ เด็กๆ และวัยรุ่นชอบกันมาก เช่นในไอสครีม ในอาหารประเภทสเน็ก และในหลายประเทศนิยมให้กันเพื่อแสดงความมีไมตรีต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ช็อคโกแลตในวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ ซึ่งวัยรุ่น หนุ่มสาวนิยมให้กันเป็นสื่อถึงมิตรไมตรี และความรักที่มีต่อกัน
จากการศึกษานั้นได้พบว่าในซ็อคโกแลตนั้นมีสารบางชนิดที่มีฤทธิ์กระตุ้นให้มีอารมณ์ดี จึงน่าจะมีความเหมาะสมที่จะให้ช็อคโกแลตกันในวันสำคัญของครอบครัว มิตรภาพระหว่างเพื่อนฝูง คนรักกัน เพื่อความรู้สึกที่ดีต่อกัน นำไปสู่ความปรารถนาดีต่อกัน และความรักความสัมพันธ์ที่มีต่อกันอย่างแน่นแฟ้นต่อไป ส่งเสริมให้กินช็อคโกแลตอาจมีส่วนช่วยสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้น ช่วยลดความขัดแย้งก็เป็นได้ ฉะนั้นเรามากินช็อคโกแลตกันเป็นอาหารว่าง อาจทำให้บรรยากาศการพูดคุยการประชุมดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น