หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ผู้นำทางด้านทรัพย์สินทางปัญญา

องค์กรทรัพสินทางปัญญาของสหประชาชาติได้รายงานประเทศผู้จดลิขสิทธิ์ทรัพสินทางปัญญาในปี 2005 นั้นประเทศในเอเซียคือประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการจดทะเบียนทรัพสินทางปัญญามากที่สุด สี่แสนกว่ารายการ อันดับสองคือประเทศสหรัฐอเมริกสามแสนเก้าหมื่นกว่ารายการ และอันดับสามที่แซงขึ้นมาได้แก่ประเทศจีน และรองลงไปคือประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป และเกาหลี

เมื่อพิจารณาดูแล้วประเทศที่น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่งคือประเทศญี่ปุ่นที่สามารถคิดค้นจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาได้มากที่สุดในโลก แซงหน้าอเมริกาไปได้ คงจำกันได้ว่าเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วเคยมีหนังสือที่เขียนโดยคนอะเมริกา ได้เขียนขึ้นมาเล่มหนึ่งให้ชื่อว่า Japan is number one แสดงให้เห็นว่าประเทศญี่ปุ่นได้รับการยอมรับว่าเป็นที่หนึ่งของโลกในด้านต่างๆ มากมาย ยิ่งอีก 20 ปีต่อมาญี่ปุ่นก็ยังคงความเป็นที่ 1 ของโลกอยู้ในแง่ของทรัพย์สินทางปัญญา

จากที่เคยได้สัมผัสกับประเทศญี่ปุ่นนั้น เราเคยทราบว่าญี่ปุ่นเคยเป็นผู้นำทางด้านการทหาร และมีชื่อเสียงในด้านความรักชาติ ที่พร้อมที่จะสละชีวิตเพื่อชาติได้ ดังปรากฏชัดในความกล้าหาญของกองบินกามิกาเซ ที่สละชีพพร้อมเครื่องบินชนเรือรบอะเมริกา และการฆ่าตัวตายในการกระทำฮาราคีรี คือคว้านท้องตัวเองเพื่อรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาดล้มเหลว ที่กล่าวมาเป็นเพียงตัวอย่าง

สิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งคือสภาพปัจจุบัน ความมีวินัยที่สูงส่ง ข้าพเจ้าเคยไปเที่ยวงานดอกไม้บานที่ประเทศญี่ปุ่นที่จัดงานคล้ายๆ กับงานวัดบ้านเรามีการนำอาหาร เครื่องดื่มอัลกอฮอลโดยเฉพาะเหล้าสาเกไปดื่มกินใต้ต้มไม้ เมื่อเสร็จจากงานหรืองานเลิก ทุกคนพยายามช่วยกันเก็บขยะไม่ให้เหลือ นอกจากนี้แล้วยังมีลูกเสือเนตรนารี คอยเก็บตกอีกครั้งหนึ่ง ขาพเจ้าจึงไม่เห็นขยะให้เห็น นับว่าน่าทึ่งมาก และเชื่อว่าความมีระเบียบวินัย ที่คนญี่ปุ่นปฏิบัติประสบผลสำเร็จได้จริง ดังเช่นกรณี 5 ส. แต่เมื่อนำมาใช้เมืองไทยก็กระท่อนกระแท่น ไม่เป็นมวลรวมเหมือนประเทศญี่ปุ่น

จากประสบการณ์เคยทำงานร่วมกับช่าวญี่ปุ่น ร่ามกับนักศึกษาที่เพิ่งจบการศึกษาใหม่ๆ บางคนไม่ได้เร่งรีบในการหางานทำเพียงอย่างเดียวยังเร่งรีบในการทำผลงานการศึกษาวิจัยไปด้วย แม้ว่าจะจบการศึกษาไปแล้วแต่ยังขอเข้ามาใช้ทรัพยากรของมหาวิทยาลัยในการเขียนเปเปอร์ หรืออาร์ติเกิลเพื่อตีพิมพ์ในวารสารต่างๆ เพราะเขาทราบดีว่าถ้าเขาได้ตีพิมพ์ในวารสารที่มีชื่อเสียงเมื่อไรแล้วและถ้าเรื่องที่ตีพิมพ์เป็นเรื่องที่บริษัทอุตสาหกรรมหนึ่งใดสนใจก็จะเข้าทำงานได้ง่าย และได้รับการเสนอเงินเดือนที่สูงๆ จะเห็นว่าค่านิยมของนักศึกษาไทยและญี่ปุ่นนั้นแตกต่างกันมากในเรื่องนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ทำไมประเทศญี่ปุ่นจึงเป็นผู้นำทางทรัพย์สินทางปัญญา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น