หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วิกฤตพลังงานกับความอยู่รอด

ผลจากภาวะน้ำมันเชื้อเพลิงราคาแพง โดยเฉพาะประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้ผลิตน้ำมันโดยตรง ต้องสั่งซื้อพลังงานนำเข้ามามากว่า 90 เปอร์เซนต์ ส่งผลกระทบต่อการขาดดุลการค้า และยังไม่มีวิธีการใดที่ยังลดการใช้จ่ายพลังงานที่มีราคาแพงลงได้ ถ้าหากยังไม่เปลี่ยนวิธีคิดวิธีทำงานในปัจจุบัน หนทางเดียวที่สามารถกระทำได้ในขณะนี้คือการใช้จ่ายพลังงานให้น้อยที่สุด ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดลดการสูญเสียพลังงานให้ได้มากที่สุด และที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่เราโชคดีที่มีพระเจ้าอยู่หัวที่มีอัจฉริยภาพอันสูงส่งที่ได้พระราชทาน แนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และตามทฤษฎีใหม่ ซึ่งช่วยให้การใช้พลังงานลดน้อยลงโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เชื่อว่าถ้าได้นำแนวคิดนี้ไปใช้อย่างเต็มรูปแบบ ก็สามารถจะแก้ปัญหาด้านพลังงานของประเทศลงได้


เราใช้พลังงานจากการสะสมของฟอสซิลหรือซากพืชซากสัตว์ดึกดำบรรพที่ซ้อนทับถมกันนับล้านๆ ปีและกลายเป็นน้ำมันในที่สุด ในปัจจุบันการศึกษาวิจัยที่จะนำซากพืชซากสัตว์มาใช้ในการผลิตน้ำมัน ซึ่งก็ยังอยู่ในระยะเริ่มแรก และเริ่มเห็นเค้าลางที่จะนำมาทำเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบนซิน หรือน้ำมันดีเซลก็สามารถที่จะผลิตจากพืชได้ ซึ่งขณะนี้ได้มีโรงงานต้นแบบมากมายในการผลิตน้ำมันแกสโซฮอล เอทานอล แทนน้ำมันเบนซิน และไบโอดีเซลแทนน้ำมันดีเซลล์

ประเทศเราเป็นประเทศเกษตรกรรมซึ่งผลิตอาหารเป็นครัวโลกในระดับหนึ่ง และเมื่อน้ำมันขาดแคลน เราก็สามารถใช้ผลผลิตทางการเกษตรมาผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวได้ด้วย และจากการศึกษาวิจัยในปัจจุบันสามารถสร้างน้ำมันเชื้อเพลิงจากต้นไม้อะไรก็ได้ ซึ่งก็มีโรงงานต้นแบบจากประเทศญี่ปุ่นออกมาจำหน่าย ซึ่งต้นไม้ทุกต้นสามารถนำมาผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงได้ ซึ่งเราควรจะเร่งศึกษาว่าพันธ์ไม้ใดที่โตเร็ว ที่นำไปใช้กันมากเช่นต้นยูคาลิปตัส และมีพันธ์ไม้อื่นใดอีกที่สามารถนำมาใช้ได้ดีและโตเร็วซึ่งในเรื่องนี้เราต้องศึกษากันอย่างเร่งด่วน

สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือว่าจะมีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่ามากขึ้นเพื่อนำไปทำเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งประเทศไทยนั้นถ้ายังอยู่แบบเดิมๆ ไม่มีมาตรการใดใหม่ๆ มาควบคุมดูแลแล้วอาจจะยิ่งสร้างปัญหามากกว่าเดิม เพราะเท่าที่เป็นอยู่นั้นก็มีการบุรุกทำลายป่าสงวนอยู่ในทั่วทุกภาคของประเทศ ท่านดร.สุเมศ องคมนตรีเคยกล่าวไว้ในการพูดที่ต่างๆ ว่าภาคส่วนต่างๆ ของโลกใช้จ่ายเกินตัวเกินกว่าที่ธรรมชาติจะคืนสภาพได้ถึง 3:1 ถ้าเราไม่สามารถจะคืนกลับสภาวะสมดุลย์ตามธรรมชาติ โลกของเราก็น่าเป็นห่วงที่จะเกิดวิกฤติเกิดภัยพิบัติอย่างร้ายแรงจนไม่อาจมีใครอยู่ได้ในที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น