หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภาพถ่ายที่ปรากฏวงแสง

เนื่องจากกล้องดิจิทัลได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพได้ดีกว่ากล้องที่ใช้ฟิมล์ ทำให้บางบริษัทถึงกับเลิกสายพานการผลิตกล้องที่ใช้ฟิมล์ไปเลยก็มี อย่างไรก็ตามด้วยความไวของกล้องในการรับภาพ ทำให้แสงที่เกิดขึ้นจากแหล่งต่างๆ ทำให้ติดเข้ามาในภาพได้ แม้ว่ากล้องถ่ายรูปจะได้รับการพัฒนาให้รับแสง แต่ยังไม่สามารถจะตัดวัตถุที่แผ่รังสีความร้อนได้หมด กล้องบางชนิดที่ถ่ายในที่มืดได้ ไม่ได้ใช้แสงแต่อาศัยคลื่นความร้อนจากวัตถุนั้น ทำให้เกิดภาพขึ้นได้


ในกรณีที่ถ่ายภาพแล้วเกิดจุดแสงขึ้นในภาพที่มารีเพลย์ดูทีหลัง ทั้งๆ ที่ตอนถ่ายก็มองไม่เห็น ตอนแรกๆ ก็น่าจะเป็นข้อบกพร่องของผู้ถ่ายที่ไม่ระมัดระวัง ทำให้แสงสะท้อนจากวัตถุบางอย่างเข้ามาโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเกิดมากขึ้นก็คิดว่าน่าจะมาจากสาเหตุอื่น ซึ่งอยากจะมาวิเคราะห์กันถึงสาเหตุความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ล้วนๆ ว่าน่าจะเกิดจากอะไรทำไมจึงเกิดขึ้น

ปกติแล้วการจะเกิดภาพต้องมีแสงมาตกกระทบที่ฟิมล์หรือตัวตรวจจับแสงในกรณีของกล้องดิจิทัล การถ่ายภาพตามปกติแสงจากวัตถุจะสะท้อนมาที่กล้องตัวจับแสง และเกิดภาพขึ้น ปกติผู้ถ่ายภาพจากภาพโมนิเตอร์ของกล้องด้วยตา ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่มีแสงใดมารบกวน แต่เมื่อถ่ายไปแล้วจึงเกิดวงแสงขึ้นน่าจะมีสาเหตุมาจากผงฝุ่นที่มาจากสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต และผงฝ่นเหล่านี้บางครั้งก็มีไอน้ำมาจับในกรณีที่มีความชึ้น จากการสอบถามผู้ที่ถ่ายภาพวงแสงติดมาด้วยนั้น ส่วนใหญ่มักจะถ่ายภาพในที่แสงสว่างไม่พอ ต้องเปิดแฟลตช่วยในการถ่ายภาพ ซึ่งเป็นไปได้ว่าเมื่อแสงจากแฟลตซึ่งมีความเข้มสูงไปกระทบแล้วสะท้อนกับเข้ามาในกล้องทำให้เกิดภาพเป็นดวงของแสงสว่างมี่ไม่ไม่สม่ำสมอ คล้าย ๆ กับวงมืดสว่างสลับกันไป บางภาพที่เกิดสว่างมากน้อย แตกต่างกันไป และบางภาพก็เกิดขึ้นหลายดวง ถ้าจะอธิบายตามหลักทฤษฏีฟิสิกส์นั้น ก็พอจะอธิบายได้ดังนี้

การเกิดภาพเมื่อแสงกระทบผงฝุ่นนั้น ผงผุ่นก็อาจมีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน มาจากผงฝุ่นทีไม่ใช้สารอินเทรีย์ และที่เป็นสารอินทรีย์เช่นสปอร์ของพื้ช เกสรดอกไม้บางชนิดที่มีขนาดเล็กมาก ในสภาพปกติที่มองไม่เห็น ในเมื่อมีแสงไปกระทบก่อนในกรณีของแสงจากแฟลตที่ทำให้มีพลังงานแสงมากพอสะท้อนเข้ามายังกล้อง อีกกรณีหนึ่งคือกรณีผงฝุ่นนั้นประกอบด้วยอะตอม อะตอมเมื่อได้รับพลังงาน อิเลคตรอนถูกกระตุ้นเมื่อดูดกลืนพลังงานแสงไว้ก็จะยกระดับพลังงานขึ้นไป แล้วจะปลดปล่อยแสงออกมาเพื่อกลับเข้าสู่ระดับพลังงานเดิมอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นกระบวนการที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว แสงส่วนนี้ก็จะมีผลทำให้เกิดวงแสง ขึ้นในภาพ

การเกิดวงแสงขึ้นไม่ได้เป็นวงแสงที่สม่ำเสมอแต่คล้ายกับว่ามีความส่วางมากน้อยแตกต่างกัน ซึ่งอธิบายได้ว่าแสงนั้นเกิดการสอดแทรกจากแสงจากส่วนต่าง ๆ ของผงฝุ่น แต่เนื่องจากผงฝุ่นไม่ได้เรียบสม่ำเสมอจึงทำให้เกิดความเข้มแสงไม่ราบเรียบสม่ำเสมอ เป็นวงที่ชัดเจน ซึ่งจากหลักการเกิดการสอดแทรกของแสงนั้น จุดที่สว่างมากก็มีการเสริมกันของคลื่นแสงจากจุดต่างๆ ของผงฝุ่น ที่มีความเข้มน้อยกว่าเป็นบริเวณที่คลื่นแสงมาร่วมกันแบบหักล้างกันทำให้เห็นเหมือนกับแถบมืดหรือความเข้มน้อยกว่า

ส่วนเหตุผลว่าทำไม่จึงเกิดหลายวง และเกิดในตำแหน่งที่ไม่อาจระบุได้ หรือไม่อาจจะถ่ายภาพแล้วให้เกิดวงแสงที่ตำแหน่งที่กำหนดซ้ำๆ กันได้ทุกครั้งนั้น ก็อาจอธิบายได้ด้วยทฤษฏีไร้ระเบียบ ที่กล่าวว่าถ้าเขียนไขเบื้องต้นเปลี่ยนไปเพียงน้อยนิด (แม้จะควบคุมแล้วก็ตามแต่ก็ยังมีส่วนที่แตกต่างกัน)แต่ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาจะแตกต่างกันมาก เช่นการปล่อยลูกปิงปองที่กระแสน้ำไหล แม้จะปล่อยที่จุดเดิมเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ตำแหน่งลูกปิงปองที่ไปโผล่ที่จุดห่างออกไปที่ระยะหนึ่งนั้นไม่อาจคาดเดาได้ในทำนองเดียวกัน

ส่วนสาเหตุอื่นที่อาจจะทำให้เกิดภาพดังกล่าวนั้น ขึ้นกับเหตุปัจจัย บางอย่างเรายังค้นไม่พบ การศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียดอาจจะทำให้ค้นพบสิ่งที่ไม่เคยทราบมาก่อนก็เป็นได้ เพราะตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานั้น อะไรที่ยังหาเหตุผลไม่ได้ชัดเจนก็บอกว่าธรรมชาติเป็นเช่นนั้นเอง หรือพระเจ้าสร้างมาอย่างนั้นเอง อย่างไรก็ตามพระพุทธเจ้าได้เคยสั่งสอนไว้ในลากามสูตร ว่าให้พิจารณาด้วยเหตุด้วยผลก่อน และสอนแต่เรื่องที่ทำให้ดับทุกข์ แสดงว่าเรื่องที่ยังค้นไม่พบก็ยังมีอีกมากมายมหาศาล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น