หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การคิดเชิงวิทยาศาตร์

วิทยาศาสตร์สามารถกำหนดเป็นกระบวนการที่มนุษย์พยายามที่จะเข้าใจธรรมชาติโดยมนุษย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่จะต้องทำความเข้าใจ ขั้นตอนในกระบวนการจะต้องเข้าไปมีส่วนในการสำรวจปัญหา ปริศนา ปรากฏการณ์ที่ชวนสงสัยอยากรู้ เป็นเหมือนการการะตุ้นให้ค้นหาคำตอบ


กระบวนการ abduction ได้แก่การยืมความคิดจากประสบการณ์ของมนุษย์ที่ผ่านมา และใช้เป็นคำอธิบายที่เป็นไปได้ในบริบทใหม่ การคิดด้วยจิตมนุษย์ส่งผลให้สร้างคำอธิบายอย่างหนึ่งหรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับการรวบรวมประสบการณ์ที่ผ่านมา ประมวลได้ว่าคล้ายคลึงกันทางใดทางหนึ่งกับสถานะการณ์ในปัจจุบัน ความเป็นระเบียบที่กำหนดขึ้นในใจมนุษย์คือการสร้างสรรค์บางสิ่งที่เป็นจริงหรือเท็จ โดยการทดสอบจากพฤติกรรม ถ้าสิ่งที่คาดหวังเป็นจริง การสร้างสรรค์ก็เกิดขึ้น

คำกล่าวที่ว่าจิตใจมนุษย์ทำหน้าที่ในการสร้างความรู้ได้อย่างไรนั้น โดยจัดความรู้ที่จำเป็นต้องใช้ในการสอนดังนั้นนักเรียนจะไม่เฉพาะเรียนเนื้อหาวิทยาศาสตร์ แต่เรียนรู้วิธีการเรียนรู้ นั่นก็คือวิธีการสร้างสรรค์และทดสอบความรู้ของพวกเขาด้วย

ในจุดประสงค์ทางการศึกษา การถ่ายทอดความรู้ด้าน วัฒนธรรม คุณค่า และการพัฒนาความเข้าใจเชิงมโนทัศน์ เจตคติ ทักษะการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา และความคิดสร้างสรรค์ ทั้งหมดที่กล่าวมาต่างก็มองเป็นวัตถุประสงค์ที่ทรงคุณค่า

เสรีภาพในการคิด (freedom of mind) แต่ละบุคคลจะต้องพัฒนาตนเองให้เป็นอิสระ คนจะต้องมีความสามารถบนพื้นฐานทางเลือกของเขาเอง และการกระทำบนความเข้าใจ ซึ่งเขาได้รับมา และบนคุณค่าซึ่งเขาตรวจสอบด้วยตัวเขาเอง โดยจะต้องรู้รากฐานซึ่งเขาได้รับข้อเสนอว่าเป็นจริงอย่างไร เป็นความจริงทีถูกหรือเป็นเท็จ เสรีภาพในการคิด นั้นต้องการความเข้าใจที่มีเหตุผลของตัวเอง ของสิ่งแวดล้อมโดยรอบ และการกระทำของตัวเองภายใต้สิ่งแวดล้อมเหล่านั้น และอะไรที่มีส่วนต่อการให้ได้มาซึ่งการรับรู้เหล่านั้น

...น่าจะได้แก่กำลังอำนาจของการมีเหตุผล 10 ประการ เป็นกระบวนการที่ยอมให้เราประยุกต์ใช้ตรรกะ และหลักฐานเท่าที่หาได้กับความคิด เจตคติ และการกระทำของเรา และจะให้ดำเนินการต่อไปให้ดีกว่าเดิมไม่ว่าจะมีเป้าหมายอะไรก็ตาม

1 กระบวนการนึกเรียกใช้ 2การจิตนาการ 3การจัดประเภท 4การทำสามัญการ (generalizing) 5การเปรียบเทียบ 6 การประเมินวัดค่า 7การวิเคราะห์ 8 การสังเคราะห์ 9 การนิรนัย และ10การทำนาย

พลังอำนาจของการมีเหตุผลแทนได้ด้วยความสามารถในการคิด สภาพพลเมืองที่มีคุณภาพจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าปราศจากซึ่งความสามารถที่จะคิด ไม่มีใครสามารถพัฒนาความสามารถในการคิดโดยปราศจาก วัตถุ เหตุการณ์ หรือสถานะการณ์บางอย่างที่จะเกี่ยวข้องในการคิด

การศึกษาและวิญญาณวิทยาศาสตร์ ซึ่งไม่ได้มุ่งเน้นวิทยาศาสตร์ที่เนื้อหาจากการรวบรวมความรู้ไว้มากมาย แต่เน้นไปที่แนวทางการคิดหรือวิธีคิด วิญญาณการสืบเสาะหาความรู้อย่างมีเหตุผลขับเคลื่อนไปโดยความเชื่อในประสิทธิภาพของการสืบเสาะหาความรู้ และโดยความสงสัยไม่สิ้นสุดเพื่อจะรู้และเข้าใจต่อไป

คุณค่าหลักต่อไปนี้ภายใต้วิทยาศาสตร์เป็นเหมือนองคาพยบที่สำคัญอย่างหนึ่ง

หวลหาที่จะรู้และเพื่อจะเข้าใจ

ตั้งคำถามกับทุกสิ่ง

แสวงหาข้อมูลและความหมายของมัน

ความต้องการในการตรวจสอบ

เคารพในตรรกะ ความเป็นเหตุผล

พิจารณาถึงหลักฐานอ้างอิง

พิจารณาถึงผลที่ได้รับ

นักเรียนนักศึกษาจะต้องได้มาซึ่งความสามารถในการตัดสินใจด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาเสรีภาพในการคิด และเรียนรู้ที่จะตัดสินใจด้วยตัวเขาเองบนพื้นฐานของเหตุผลและหลักฐาน นั่นคือสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความรู้เชิงวิทยาศาสตร์และแนวทางการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ของแต่ละบุคคลและตามจุดประสงค์ของสังคม

การคิดเชิงวิทยาศาสตร์สามารถที่จะช่วยผู้คนในทุกย่างก้าวของชีวิต เพื่อจัดการกับปัญหาอย่างละเอียดอ่อน มักเกี่ยวข้องกับหลักฐาน การพิจารณาเชิงปริมาณ การถกเถียงโต้แย้งเชิงตรรกะ และความไม่แน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น